สุนัขเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบและมีความทรงจำดี สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ง่าย เช่น หยุด นั่ง คอย คาบของ กู้ภัย ค้นหายาเสพติด ฯลฯ สุนัขที่ผ่านการฝึก จะเป็นสุนัขที่น่ารัก และมีคุณภาพมากขึ้น และสุนัขเองก็จะดูมีความสุขมากขึ้น ยังทำให้สุนัขสามารถอยู่ร่วมในสังคมมนุษย์ ได้ดีมากขึ้น
ผู้ฝึกหรือครูฝึก
และคุณสมบัติที่สำคัญ คือ
1. จะต้องมีนิสัยรักสุนัข
รักที่จะฝึกสุนัข เข้าใจในพฤติกรรมของสุนัขพอสมควร
2. มีความอดทน
มีความตั้งใจ จิตใจเข้มแข็ง ใจเย็น สุขุม รอบคอบ
ควบคุมอารมณ์แะสถานการณ์ได้
เมื่อสุนัขไม่สามารถทำได้ตามคำสั่ง
3. หาความรู้เรื่องการฝึกสุนัข
ฝึกสุนัขอย่างไร และให้ทำอะไร ให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันทั้งครูฝึกและ
สุนัข
หลักการฝึก
การฝึกใช้หลักการต่างๆ ดังนี้
1.
จากง่ายๆ ไปหายาก
2. ใช้เวลาฝึกในระยะสั้นๆ
ไม่ควรเกิน 10-15 นาที ต่อครั้ง โดยมีการพักช่วงละ 5-10 นาที
3. ในระยะเริ่มต้นอย่าดุหรือลงโทษจนสุนัขกลัวลนลาน
ควรทำให้เป็นเรื่องสนุกสำหรับสุนัข
4. การออกคำสั่งให้สุนัขทำตาม
เป็นคำสั่งสั้นๆไม่เปลี่ยนแปลง ต้องหนักแน่น
5 .ทุกครั้งที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่งได้ถูกต้องให้รางวัลสุนัขทันที
อาจเป็นตั้งแต่คำชมเช่น “ ดีมาก ”
หรือ ใช้มือตบเบาๆ บริเวณลำคอหรือลำตัว
6 .แก้ไขทันทีเมื่อสุนัขทำผิด การแก้ไขคือการลงโทษ แก้ไขหรือห้าม โดยใช้คำพูดออกเสียงดุ “ ไม่ ” เสียงสั้นๆ
หรืออาจลงโทษโดยการกระตุกสายสูงในกรณีที่ใช้สายจูงสุนัข
ห้ามทำโทษสุนัขโดยการทุบตี เพราะสุนัขจะกลัว
และเกลียดการฝึก
ฝึกระเบียบวินัยภายในบ้าน
1 .การขับถ่าย ควรกำหนดสถานที่ที่เหมาะสมเอาไว้ เช่น หรือมุมใดมุมหนึ่งในบ้าน
ต่อไปสังเกตอาการของสุนัขว่าต้องการถ่ายหรือยัง
ปกติมักดมกลิ่นที่พื้นหรือวิ่งวนเป็นวงกลม
แสดงว่าต้องการขับถ่าย
ลูกสุนัขอายุ 3-6 เดือน ประมาณวันละ 5 ครั้ง
อายุ 6 เดือน ประมาณวันละ 4 ครั้ง
สุนัขโตแล้ววันละประมาณ 3 ครั้ง
* ลูกสุนัขมักต้องการถ่ายปัสสาวะเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า หรือหลังกินอาหารแต่ละมื้อ
เมื่อพบว่าสุนัขต้องการขับถ่าย
จะต้องรีบพาไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ทันที ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้งสุนัขก็จะทำได้
หากสุนัขทำผิดก็อย่าไปตีหรือลงโทษอย่างอื่นควรใช้เสียงดุว่า “ไม่” แล้วรีบนำไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้
เมื่อสุนัขปฏิบัติได้ ก็ควรชมเชยเพื่อให้เข้าใจว่าได้ทำถูกต้องแล้วบ่อยๆครั้งเข้าลูก
สุนัขย่อมเกิดการเรียนรู้ และผลสุดท้ายก็จะไปถ่ายตามที่เตรียมไว้อย่างอัตโนมัติ
2 .ฝึกการกินอยู่ หลับนอน
การกินอาหารของสุนัขก็ต้องได้รับการฝึกหัดเช่นกัน
หากเลี้ยงสุนัขหลายตัวควรแยกสถานที่ให้สุนัขกินให้ห่างกัน
เพื่อป้องกันการแย่งกินอาหารและหวงอาหาร ครั้งใดที่สุนัขกินอาหารไม่หมดก็ให้รีบเก็บจานเสีย
แม้แต่การที่สุนัขได้รับอาหารจากบุคคลอื่นนอกเวลาอาหารก็ไม่ดี เป็นการเพาะนิสัยให้เป็นสุนัขขอทานได้
จึงควรต้องระวังไม่ให้รับอาหารจากบุคคลอื่นยกเว้นเจ้าของ
ลูกสุนัขจึงควรมีที่หลับนอนเป็นสัดส่วนของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก
ไม่ควรนำลูกสุนัขไปนอนร่วมห้อง หรือบนเตียงด้วยความสงสารหรือเพราะเหตุผลใดๆ
เพราะถ้าเริ่มเลี้ยงจากการเอเาไว้ในบ้าน พอลูกสุนัขเริ่มโต
หากจับย้ายออกไปขังกรงนอกบ้าน ลูกสุนัข หรือแม้แต่โตแล้วส่วนใหญ่จะไม่ยินยอม
อาจจะร้องไห้หวย
จะทำให้เจ้าของบ้านหรืเพื่อนบ้านไม่เป็นอันหลับอันนอน
เนื่องจากเสียงหนวกหูจากสุนัข
3 .ฝึกป้องกันนิสัยชอบกัดแทะสิ่งของ
เป็นธรรมชาติของลูกสุนัขทั้งหลายที่ซนและชอบกัดแทะสิ่งของต่างๆ เพราะมันเริ่มมีฟันจึงกัดแทะเครื่องใช้สิ่งของในบ้าน
ลูกสุนัขต้องการกัดแทะสิ่งของเพื่อความสะอาดของฟัน
นวดเหงือกขจัดฟันน้ำนมให้หลุดเร็วๆ รวมทั้งการระบายความเครียด
หรือเพราะไม่มีอะไรทำ ไม่มีใครเล่นด้วย จึงหาสิ่งของมากัดเล่น
ควรหาเครื่องเล่นสำหรับสุนัข
เช่น ลูกบอลเล็กหรือกระดูกยาง หรือวัสดุที่ทนทานต่อการกัดแทะให้สุนัขกัดเล่น
ป้องกันไม่ให้ไปทำลายสิ่งของในบ้าน เมื่อเห็นว่าสุนัขกัดสิ่งของอื่นๆ
ที่ไม่ประสงค์ต้องออกคำสั่งว่าอย่า หรือไม่ แล้วจับปากแยกออกพร้อมดึงของออกจากปาก
อย่าพยายามดึงสิ่งของที่สุนัขคาบอยู่ เพราะสุนัขอาจคิดว่าเราอยากเล่นกับมันด้วย
ใช้น้ำเสียงดุและปฏิบัติที่ถูกต้อง
4. การออกคำสั่งให้สุนัขทำตาม
ต้องคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
5 .ให้รางวัลสุนัขทันที
ที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่งได้ถูกต้อง
อาจเป็นตั้งแต่คำชมเช่น “ ดีมาก ” หรือสัมผัส เช่น ใช้มือตบเบาๆ บริเวณลำคอหรือลำตัว หรือจะให้รางวัลเป็น ขนมสำหรับสุนัข ก็ได้
6 .แก้ไขทันทีที่สุนัขทำผิด การแก้ไขคือการลงโทษเป็นการลบล้างพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนออกไป การแก้ไขใช้คำพูดออกเสียงดุ นิยมใช้คำว่า “ ไม่ ” ออกเสียงสั้นๆ หนักและดัง
จะได้ผลมากขึ้นในทางจิตวิทยา เพราะสุนัขมีความสามารถการอ่านระดับเสียง หรืออาจลงโทษโดยการกระตุกสายสูงในกรณีที่ใช้สายจูงสุนัข
ห้ามทำโทษสุนัขโดยการทุบตีหรือทำให้สุนัขเจ็บปวดจนเกินเหตุ เพราะสุนัขจะกลัว
และเกลียดการฝึก
ฝึกระเบียบวินัยภายในบ้าน
สิ่งแรกที่สุนัขต้องรู้จักคือ
ชื่อของมัน การตั้งชื่อสุนัขให้ถือหลักการออกเสียงและการจดจำได้ง่าย
ควรเป็นคำสั้นๆ ไม่เกิน 1-2 พยางค์
ไม่ควรเปลี่ยนชื่อสุนัขบ่อยๆ จะทำให้สุนัขสับสน เพราะลูกสุนัขจะจำชื่อตัวเองได้เร็วมาก
ยิ่งเป็นคำสั้นๆ และกระชับ สุนัขะยิ่งจำได้ง่าย
และเมื่อมีชื่อแล้วก็ต้องเรียกบ่อยๆ เพราะยิ่งเรียกบ่อย
สุนัขก็จะจำได้ง่าย เป็นประโยชน์และผลดีในการฝึกต่อไป
1 .การฝึกสุนัขให้ขับถ่ายเป็นที่ ควรจะกำหนดสถานที่ที่เหมาะสมเอาไว้ เช่น มุมใดมุมหนึ่งในบ้าน
ต่อไปต้องพยายามสังเกตอาการของสุนัขว่าต้องการถ่ายหรือยัง
ตามธรรมชาติลูกสุนัขมักจะร้องคราง ดมกลิ่นที่พื้นหรือวิ่งวนเป็นวงกลม
นั่นแสดงว่าต้องการขับถ่าย การขับถ่ายแยกตามอายุได้ดังนี้
อายุ 3-6 เดือน ประมาณวันละ 5 ครั้ง
อายุ 6 เดือน ประมาณวันละ 4 ครั้ง
สุนัขโตวันละประมาณ 3 ครั้ง
ลูกสุนัขมักต้องการถ่ายปัสสาวะเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า หรือหลังกินอาหารแต่ละมื้อ
เมื่อพบว่าสุนัขต้องการขับถ่าย
โดยการสังเกตุพฤติกรรมข้างต้น เจ้าของสุนัขจะต้องรีบพาไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ทันที ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้งสุนัขก็จะทำได้
อย่าปล่อยให้ขับถ่ายเรี่ยราดตามที่ต่างๆ
หากสุนัขทำผิดก็อย่าไปตีหรือลงโทษอย่างอื่นควรใช้เสียงดุว่า “ไม่” แล้วรีบนำไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้
เมื่อสุนัขปฏิบัติได้ ก็ควรชมเชยเพื่อให้เข้าใจว่าได้ทำถูกต้อง บ่อยๆครั้งเข้าลูก
สุนัขย่อมเกิดการเรียนรู้ และผลสุดท้ายก็จะไปถ่ายตามที่เตรียมไว้อย่างอัตโนมัติ
2 .ฝึกการกินอยู่ หลับนอน
การกินอาหารของสุนัขก็ต้องได้รับการฝึก
หากเลี้ยงสุนัขหลายตัวควรแยกสถานที่ให้สุนัขกินให้ห่างกัน
เพื่อป้องกันการแย่งอาหารและหวงอาหาร ครั้งใดที่สุนัขกินอาหารไม่หมดก็ให้เก็บจาน
อย่าทิ้งไว้ให้กินอีกต่อไป จะทำให้สุนัขนิสัยไม่ดี กินอาหารไม่เป็นเวล่ำเวลา หรือแม้แต่การที่สุนัขได้รับอาหารจากบุคคลอื่นนอกเวลาอาหารก็เป็นสิ่งไม่ดี
จึงควรต้องระวังไม่ให้รับอาหารจากบุคคลอื่นยกเว้นเจ้าของ
ลูกสุนัขควรมีที่หลับนอนเป็นสัดส่วนของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก
ไม่ควรนำลูกสุนัขไปนอนร่วมห้อง หรือบนเตียงด้วยความสงสารหรือเพราะเหตุผลใดๆ
เพราะถ้าเริ่มเลี้ยงจากการเอเาไว้ในบ้าน พอลูกสุนัขเริ่มโต
หากจับย้ายออกไปขังกรงนอกบ้าน ลูกสุนัข หรือแม้แต่โตแล้วส่วนใหญ่จะไม่ยินยอม
เพราะมันคิว่าเป็นการถูกทอดทิ้ง อาจจะร้องโหยหวนทั้งคืนหรือหอนขณะที่เจ้าของไม่อยู่ จะทำให้เพื่อนบ้านเกิดความรำคาญไม่เป็นอันหลับอันนอน
เนื่องจากเสียงหนวกหูจากสุนัข
3 .นิสัยชอบกัดแทะสิ่งของ
เป็นธรรมชาติของลูกสุนัขชอบกัดแทะสิ่งของต่างๆ เพราะเริ่มมีฟันจึงกัดแทะเครื่องใช้สิ่งของในบ้าน
ลูกสุนัขต้องการกัดแทะสิ่งของเพื่อความทำความสะอาดของฟัน
นวดเหงือกขจัดฟันน้ำนมให้หลุดเร็วๆ รวมทั้งการระบายความเครียด
หรือเพราะไม่มีอะไรกิจกรรมทำ จึงหาสิ่งของมากัดเล่น
ควรหาเครื่องเล่นสำหรับสุนัข
เช่น ลูกบอลเล็กหรือกระดูกยาง หรือวัสดุที่ทนทานต่อการกัดแทะให้สุนัขกัดเล่น
เพื่อป้องกันไม่ให้ไปทำลายสิ่งของอื่นๆในบ้าน เมื่อเห็นว่าสุนัขกัดสิ่งของอื่นๆ
ที่ไม่ประสงค์ต้องออกคำสั่งว่า "ไม่" แล้วจับปากแยกออกพร้อมดึงของออกจากปาก
อย่าพยายามดึงหรือยื้อสิ่งของที่สุนัขคาบอยู่ เพราะสุนัขอาจคิดว่าเราอยากเล่นกับมันด้วย
ใช้คำสั่งเสียง "สั้นกระชับ" และการปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็จะจำได้
มีเคล็ดลับในการฝึกมาฝาก > Secrets To Dog Training
ทำความเข้าใจในตัวสุนัข
รู้วิธีการออกคำสั่ง
สุนัขต้องการการเอาใจใส่ดูแลจากเจ้าของ
ทำให้สุนัขสนุกไปกับการฝึก