แก้พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของสุนัข

ผมเชื่อว่าคุณผู้เลี้ยงสุนัขต้องเจอกับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์เหล่านี้ ดึงสายจูงขณะพาออกเดิน




กระโดดใส่คุณหรือเพื่อนคุณ ไม่มาเมื่อคุณเรียกหรือไม่ตอบสนองเมื่อคุณสั่ง ส่งเสียงหอนเมื่อเจ้าของไม่อยู่ การขับถ่ายหรือปัสสาวะไม่เป็นระเบียบ ก้าวร้าวกับสุนัขตัวอื่นหรือคนที่เดินผ่านไปมา กลัวเสียงดัง เช่น เสียงพุ,ฟ้าร้อง การขุดและทำลายสิ่งของ  พฤติกรรมไม่พึงประสงค์เหล่านี้ต้องรีบแก้ไขเพราะจะทำให้คุณเจอกับปัญหาต่างๆถ้าไม่แก้ไข และวิธีที่จะแก้ไข คือ
1.แก้ที่ตัวคุณซึ่งเป็นเจ้าของคือต้องทำตัวเป็นผู้นำฝูง เพราะธรรมชาติของสุนัขจะอยู่รวมกันเป็นฝูงและมีผู้นำฝูง
2.แก้ที่ตัวสุนัข หมายถึงการแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ โดยปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญการแก้ไขพฤติกรรมสุนัข


ด็อกกี้แดน ผู้เชี่ยวชาญสุนัขชั้นนำ ทำให้การแก้ไขพฤติกรรมสุนัขของคุณมีประสิทธิภาพ
พบกับเคล็ดลับนี้ได้ใน Doggy Dans Online Dog Trainer: Video Membership From Top Dog Trainer

ให้อาหารสุนัข

มีเทคนิคการให้อาหารสุนัขมาฝาก

ลูกสุนัข
   เพิ่งหย่านมจะยังไม่คุ้นชินกับอาหารเม็ดเพียวๆ ฉะนั้นควรให้อาหารเม็ดผสมนมแล้วค่อยๆลดปริมาณนมลง
จนเหลือแต่อาหารเม็ด
   การให้ควรให้เป็นเวลาเช้ากับเย็น เพื่อเป็นการฝึกระเบียบินัยให้กับสุนัข ถ้าสุนัขกินอาหารไม่หมดในมื้อนั้นๆ
ให้เก็บจานอาหารของเขาทันที
   ปริมาณที่ให้ ให้เริ่มจากทีละน้อยๆในแต่ละมื้อ ถ้ากินอาหารหมดเร็วปกติไม่เกิน 5-10 นาที จึงค่อยเพิ่ม
ปริมาณในมื้อถัดไป

เทคนิคเพิ่มเติม
   ให้รางวัลสุนัขทุกครั้งเมื่อกินอาหารหมด โดยการ ตบเบาๆบริเวณต้นคอพร้อมกับพูดว่า "ดีมาก"

   การให้อาหารสุนัขที่ดีและมีประโยชน์ทำให้สุนัขมีสุขภาพดีขึ้นและอายุยืนยาวขึ้น มีการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสิ่งนี้พบกับความลับนี้ได้ใน  Dog Food SECRETS





เทียบอายุ

เปรียบเทียบอายุสุนัขกับคน













สุนัข 2 เดือน = คน 14 เดือน     
สุนัข 6 เดือน = คน 5 ปี
สุนัข 8 เดือน = คน 9 ปี
สุนัข 1 ปี = คน 14 ปี
สุนัข 18 เดือน = คน 20 ปี
สุนัข 2 ปี = คน 24 ปี
สุนัข 3 ปี = คน 30 ปี
สุนัข 4 ปี = คน 36 ปี
สุนัข 5 ปี = คน 40 ปี
สุนัข 6 ปี = คน 42 ปี
สุนัข 7 ปี = คน 43 ปี
สุนัข 8 ปี = คน 56 ปี
สุนัข 9 ปี = คน 63 ปี
สุนัข 10 ปี = คน 65 ปี

#อายุสุนัข


ยาถ่ายพยาธิและการถ่ายพยาธิ

Praferan ยาถ่ายพยาธิ  สำหรับสุนัขและแมว



ส่วนประกอบ :
- ไพแรนเทล พาโมเอท เทียบเท่า ไพแรนเทล 144 mg

- ฟีแบนเทล 150 mg
- พราซิควอลเทล 50 mg


สรรพคุณ :
ใช้สำหรับกำจัดและควบคุมพยาธิในระบบทางเดินอาหารของสุนัขและแมว ได้แก่
1. พยาธิไส้เดือน  
2. พยาธิปากขอ
3. พยาธิแส้ม้า
4. พยาธิตัวตืด

ขนาดและวิธีใช้ :
1 เม็ดต่อน้ำหนัก 10 กิโลกรัม
ใช้ได้ทั้งสุนัขและแมวทุกอายุ ให้กินครั้งเดียว โดยไม่จำเป็นต้องอดอาหาร  หรือให้ยาพิเศษแต่อย่างใด
และยานี้สามารถให้ร่วมกับยาชนิดอื่นๆได้ เช่น ยาคุมพยาธิหัวใจและยากำจัดเห็บ หมัด

ลูกสุนัขหรือแมว :
- ให้กินเมื่ออายุ 2, 4, 8, 12 สัปดาห์
- จากนั้นให้กินเมื่ออายุ 4, 5 และ 6 เดือน
อายุมากกว่า 6 เดือน :
- ให้กินทุก 3 เดือน
สัตว์ขณะตั้งท้องหรือให้นมลูก :
- ให้กิน 10 วัน ก่อนคลอด
- และ 2-4 สัปดาห์ หลังคลอด

Drontal plus ยาถ่ายพยาธิ  สำหรับสุนัข




เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการถ่ายพยาธิ และมีผลข้างเคียงน้อย
มีการปรับแต่งกลิ่น

ขนาดและวิธีใช้ :
1 เม็ดต่อน้ำหนักสุนัข 10 กิโลกรัม
สุนัขหนัก 2-5 kg ให้ยา 1/2 เม็ด
สุนัขหนัก 6-10 kg ให้ยา 1 เม็ด
สุนัขหนัก 11-15 kg ให้ยา 1 1/2 เม็ด
สุนัขหนัก 16-20 kg ให้ยา 2 เม็ด
สุนัขหนัก 21-25 kg ให้ยา 2 1/2 เม็ด
สุนัขหนัก  26-30 kg  ให้ยา  3  เม็ด..


ราคาจะสูงกว่ายี่ห้ออื่น

#ถ่ายพยาธิสุนัข

พยาธิหนอนหัวใจ


   พยาธิหนอนหัวใจมียุงเป็นพาหะของโรคกัด และตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจจะอยู่ในกระแสเลือด  และจะกลายเป็นตัวแก่ในหัวใจ และตัวแก่ของพยาธิหนอนหัวใจนื้สามารถอยู่ในหัวใจได้นานหลายปี
ความรุนแรงของโรคนี้จะขึ้นกับจำนวนตัวแก่ที่อยู่ในหัวใจของสุนัข กล่าวคือ
1.สุนัขที่มีจำนวนตัวแก่น้อยอาจไม่แสดงอาการป่วย
 2.ส่วนสุนัขที่มีจำนวนตัวแก่มากก็จะแสดงอาการทางระบบหมุนเวียนเลือดรุนแรง
อาการที่พบคือ ไอแห้งๆ หอบ เหนื่อยง่าย
การตรวจวินิจฉัยโรคพยาธิหนอนหัวใจ

ตัวอ่อนจะใช้วิธีส่องดูแผ่นฟิล์มเลือดด้วยกล้องจุลทรรศน์
ตัวแก่จะใช้วิธีตรวจหาด้วยชุดตรวจสอบสำเร็จรูป

การป้องกันการติดพยาธิหนอนหัวใจ
ฉีดยาฆ่าตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจ ทุก 2 เดือน
กินยาฆ่าตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจทุกเดือนก็ได้

       การรักษาโรคพยาธิหนอนหัวใจ คือ การกำจัดตัวแก่ที่อยู่ในหัวใจ
       ต้องมีการตรวจสุขภาพสุนัข การทำงานของตับและไต หัวใจ  รวมถึงจะถ่ายภาพรังสีช่องอก การตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า ถ้าสุนัขมีสภาพร่างกายที่พร้อมก็เริ่มวางแผนการรักษาได้เลย ส่วนสุนัขที่สภาพยังไม่พร้อมอาจต้องบำรุงร่างกายก่อน
เพราะยาที่ใช้ในการรักษาค่อนข้างแพงและมีความเป็นพิษสูง


#พยาธิหนอนหัวใจในสุนัข

พยาธิเม็ดเลือด


โรคพยาธิเม็ดเลือด
   
   พาหะนำโรคคือ เห็บ  หลายท่านสงสัยว่าหมาของตัวเองไม่มีเห็บเลย แต่ทำไมถึงเป็นโรคนี้ได้ อาจเพราะมีจำนวนน้อยจึงไม่เห็นมากกว่าทำให้เราไม่เจอเห็บบนตัวสุนัขก็เป็นได้ และการเป็นโรคพยาธิในเม็ดเลือด ไม่จำเป็นต้องมีเห็บเยอะหรือหลายๆ ตัว แม้มีแค่ตัวเดียวและถ้าตัวที่มากัดสุนัข มีพยาธิเม็ดเลือดอยู่ สุนัขตัวนั้นก็สามารถเป็นโรคได้

อาการ
   ช่วงแรก สุนัขจะมีไข้ขึ้นๆ ลงๆ ซึม เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลืองโต ม้ามโต บางตัวพบว่าเลือดกำเดาไหลข้างเดียว จุดเลือดออกตามตัว สุนัขที่มีภูมิคุ้มกันดีจะสามารถพัฒนาภูมิคุ้มกันมาทำลายเชื้อได้
   ช่วงต่อเนื่อง ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดีพอ เชื้อพยาธิเม็ดเลือดจะพัฒนาเข้าสู่อาการในแบบเรื้อรัง ซึ่งจะมีอาการตั้งแต่ ซึม อ่อนแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เยื่อเมือกซีด มีไข้สูง เลือดกำเดาไหลมาก ปัสสาวะเป็นเลือด หายใจลำบาก จนถึงไขกระดูกทำงานบกพร่อง ภูมิคุ้มกันทำลายกันเอง ทำให้โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ ไตวาย ตับอักเสบ ข้ออักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และนำไปสู่การเสียชีวิตได้

การรักษา
   วิธีการรักษาส่วนใหญ่คือ การให้ยาฆ่าพยาธิเม็ดเลือดและการรักษาตามอาการ โดยจะต้องรักษาต่อเนื่อง อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ ร่วมกับตรวจเลือดเพื่อประเมินค่าเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดเป็นระยะ และต้องติดตามผลต่ออีก 6 เดือน ถึง 1 ปี


การป้องกัน
   การป้องกันพยาธิเม็ดเลือดต้องอาศัยการเอาใจใส่ดูแลจากเจ้าของ โดยการป้องกันการติดเห็บ ปัจจุบันมีหลายวิธีและมีผลิตภัณฑ์มาให้เลือกตามความเหมาะสม เช่น ยาฉีด,ยาหยด และ ควรตรวจเลือดสุนัขอย่างน้อยปีละครั้ง


#พยาธิเม็ดเลือดในสุนัข

ฝึกสุนัขกันดีกว่า

สุนัขเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบและมีความทรงจำดี สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ง่าย เช่น หยุด นั่ง คอย คาบของ กู้ภัย ค้นหายาเสพติด ฯลฯ  สุนัขที่ผ่านการฝึก จะเป็นสุนัขที่น่ารัก และมีคุณภาพมากขึ้น และสุนัขเองก็จะดูมีความสุขมากขึ้น  ยังทำให้สุนัขสามารถอยู่ร่วมในสังคมมนุษย์ ได้ดีมากขึ้น


ผู้ฝึกหรือครูฝึก และคุณสมบัติที่สำคัญ คือ
1. จะต้องมีนิสัยรักสุนัข รักที่จะฝึกสุนัข เข้าใจในพฤติกรรมของสุนัขพอสมควร
2. มีความอดทน  มีความตั้งใจ จิตใจเข้มแข็ง ใจเย็น สุขุม รอบคอบ ควบคุมอารมณ์แะสถานการณ์ได้
   เมื่อสุนัขไม่สามารถทำได้ตามคำสั่ง
3. หาความรู้เรื่องการฝึกสุนัข ฝึกสุนัขอย่างไร และให้ทำอะไร ให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันทั้งครูฝึกและ
   สุนัข


หลักการฝึก
การฝึกใช้หลักการต่างๆ ดังนี้
1. จากง่ายๆ ไปหายาก
2. ใช้เวลาฝึกในระยะสั้นๆ ไม่ควรเกิน 10-15 นาที ต่อครั้ง โดยมีการพักช่วงละ 5-10 นาที
3. ในระยะเริ่มต้นอย่าดุหรือลงโทษจนสุนัขกลัวลนลาน ควรทำให้เป็นเรื่องสนุกสำหรับสุนัข
4. การออกคำสั่งให้สุนัขทำตาม เป็นคำสั่งสั้นๆไม่เปลี่ยนแปลง ต้องหนักแน่น
5 .ทุกครั้งที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่งได้ถูกต้องให้รางวัลสุนัขทันที อาจเป็นตั้งแต่คำชมเช่น ดีมาก
    หรือ ใช้มือตบเบาๆ บริเวณลำคอหรือลำตัว
6 .แก้ไขทันทีเมื่อสุนัขทำผิด การแก้ไขคือการลงโทษ แก้ไขหรือห้าม โดยใช้คำพูดออกเสียงดุ  ไม่ เสียงสั้นๆ   
      หรืออาจลงโทษโดยการกระตุกสายสูงในกรณีที่ใช้สายจูงสุนัข ห้ามทำโทษสุนัขโดยการทุบตี เพราะสุนัขจะกลัว  
      และเกลียดการฝึก



ฝึกระเบียบวินัยภายในบ้าน
1 .การขับถ่าย ควรกำหนดสถานที่ที่เหมาะสมเอาไว้ เช่น  หรือมุมใดมุมหนึ่งในบ้าน ต่อไปสังเกตอาการของสุนัขว่าต้องการถ่ายหรือยัง ปกติมักดมกลิ่นที่พื้นหรือวิ่งวนเป็นวงกลม แสดงว่าต้องการขับถ่าย
ลูกสุนัขอายุ 3-6 เดือน ประมาณวันละ 5 ครั้ง
อายุ 6 เดือน ประมาณวันละ 4 ครั้ง
สุนัขโตแล้ววันละประมาณ 3 ครั้ง
* ลูกสุนัขมักต้องการถ่ายปัสสาวะเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า หรือหลังกินอาหารแต่ละมื้อ


เมื่อพบว่าสุนัขต้องการขับถ่าย จะต้องรีบพาไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ทันที ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้งสุนัขก็จะทำได้ หากสุนัขทำผิดก็อย่าไปตีหรือลงโทษอย่างอื่นควรใช้เสียงดุว่า ไม่แล้วรีบนำไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ เมื่อสุนัขปฏิบัติได้ ก็ควรชมเชยเพื่อให้เข้าใจว่าได้ทำถูกต้องแล้วบ่อยๆครั้งเข้าลูก สุนัขย่อมเกิดการเรียนรู้ และผลสุดท้ายก็จะไปถ่ายตามที่เตรียมไว้อย่างอัตโนมัติ



2 .ฝึกการกินอยู่ หลับนอน การกินอาหารของสุนัขก็ต้องได้รับการฝึกหัดเช่นกัน หากเลี้ยงสุนัขหลายตัวควรแยกสถานที่ให้สุนัขกินให้ห่างกัน เพื่อป้องกันการแย่งกินอาหารและหวงอาหาร ครั้งใดที่สุนัขกินอาหารไม่หมดก็ให้รีบเก็บจานเสีย แม้แต่การที่สุนัขได้รับอาหารจากบุคคลอื่นนอกเวลาอาหารก็ไม่ดี เป็นการเพาะนิสัยให้เป็นสุนัขขอทานได้ จึงควรต้องระวังไม่ให้รับอาหารจากบุคคลอื่นยกเว้นเจ้าของ


ลูกสุนัขจึงควรมีที่หลับนอนเป็นสัดส่วนของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ควรนำลูกสุนัขไปนอนร่วมห้อง หรือบนเตียงด้วยความสงสารหรือเพราะเหตุผลใดๆ เพราะถ้าเริ่มเลี้ยงจากการเอเาไว้ในบ้าน พอลูกสุนัขเริ่มโต หากจับย้ายออกไปขังกรงนอกบ้าน ลูกสุนัข หรือแม้แต่โตแล้วส่วนใหญ่จะไม่ยินยอม อาจจะร้องไห้หวย จะทำให้เจ้าของบ้านหรืเพื่อนบ้านไม่เป็นอันหลับอันนอน เนื่องจากเสียงหนวกหูจากสุนัข

3 .ฝึกป้องกันนิสัยชอบกัดแทะสิ่งของ เป็นธรรมชาติของลูกสุนัขทั้งหลายที่ซนและชอบกัดแทะสิ่งของต่างๆ เพราะมันเริ่มมีฟันจึงกัดแทะเครื่องใช้สิ่งของในบ้าน ลูกสุนัขต้องการกัดแทะสิ่งของเพื่อความสะอาดของฟัน นวดเหงือกขจัดฟันน้ำนมให้หลุดเร็วๆ รวมทั้งการระบายความเครียด หรือเพราะไม่มีอะไรทำ ไม่มีใครเล่นด้วย จึงหาสิ่งของมากัดเล่น

ควรหาเครื่องเล่นสำหรับสุนัข เช่น ลูกบอลเล็กหรือกระดูกยาง หรือวัสดุที่ทนทานต่อการกัดแทะให้สุนัขกัดเล่น ป้องกันไม่ให้ไปทำลายสิ่งของในบ้าน เมื่อเห็นว่าสุนัขกัดสิ่งของอื่นๆ ที่ไม่ประสงค์ต้องออกคำสั่งว่าอย่า หรือไม่ แล้วจับปากแยกออกพร้อมดึงของออกจากปาก อย่าพยายามดึงสิ่งของที่สุนัขคาบอยู่ เพราะสุนัขอาจคิดว่าเราอยากเล่นกับมันด้วย ใช้น้ำเสียงดุและปฏิบัติที่ถูกต้อง

4. การออกคำสั่งให้สุนัขทำตาม ต้องคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง

5 .ให้รางวัลสุนัขทันที ที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่งได้ถูกต้อง อาจเป็นตั้งแต่คำชมเช่น ดีมาก หรือสัมผัส เช่น ใช้มือตบเบาๆ บริเวณลำคอหรือลำตัว หรือจะให้รางวัลเป็น ขนมสำหรับสุนัข ก็ได้

6 .แก้ไขทันทีที่สุนัขทำผิด การแก้ไขคือการลงโทษเป็นการลบล้างพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนออกไป การแก้ไขใช้คำพูดออกเสียงดุ นิยมใช้คำว่า ไม่ ออกเสียงสั้นๆ หนักและดัง จะได้ผลมากขึ้นในทางจิตวิทยา เพราะสุนัขมีความสามารถการอ่านระดับเสียง หรืออาจลงโทษโดยการกระตุกสายสูงในกรณีที่ใช้สายจูงสุนัข ห้ามทำโทษสุนัขโดยการทุบตีหรือทำให้สุนัขเจ็บปวดจนเกินเหตุ เพราะสุนัขจะกลัว และเกลียดการฝึก


ฝึกระเบียบวินัยภายในบ้าน
สิ่งแรกที่สุนัขต้องรู้จักคือ ชื่อของมัน การตั้งชื่อสุนัขให้ถือหลักการออกเสียงและการจดจำได้ง่าย ควรเป็นคำสั้นๆ ไม่เกิน 1-2 พยางค์ ไม่ควรเปลี่ยนชื่อสุนัขบ่อยๆ จะทำให้สุนัขสับสน เพราะลูกสุนัขจะจำชื่อตัวเองได้เร็วมาก ยิ่งเป็นคำสั้นๆ และกระชับ สุนัขะยิ่งจำได้ง่าย และเมื่อมีชื่อแล้วก็ต้องเรียกบ่อยๆ เพราะยิ่งเรียกบ่อย สุนัขก็จะจำได้ง่าย เป็นประโยชน์และผลดีในการฝึกต่อไป


1 .การฝึกสุนัขให้ขับถ่ายเป็นที่ ควรจะกำหนดสถานที่ที่เหมาะสมเอาไว้ เช่น มุมใดมุมหนึ่งในบ้าน ต่อไปต้องพยายามสังเกตอาการของสุนัขว่าต้องการถ่ายหรือยัง ตามธรรมชาติลูกสุนัขมักจะร้องคราง ดมกลิ่นที่พื้นหรือวิ่งวนเป็นวงกลม นั่นแสดงว่าต้องการขับถ่าย การขับถ่ายแยกตามอายุได้ดังนี้
อายุ 3-6 เดือน ประมาณวันละ 5 ครั้ง
อายุ 6 เดือน ประมาณวันละ 4 ครั้ง
สุนัขโตวันละประมาณ 3 ครั้ง
ลูกสุนัขมักต้องการถ่ายปัสสาวะเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า หรือหลังกินอาหารแต่ละมื้อ
เมื่อพบว่าสุนัขต้องการขับถ่าย โดยการสังเกตุพฤติกรรมข้างต้น เจ้าของสุนัขจะต้องรีบพาไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ทันที ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้งสุนัขก็จะทำได้ อย่าปล่อยให้ขับถ่ายเรี่ยราดตามที่ต่างๆ หากสุนัขทำผิดก็อย่าไปตีหรือลงโทษอย่างอื่นควรใช้เสียงดุว่า ไม่แล้วรีบนำไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ เมื่อสุนัขปฏิบัติได้ ก็ควรชมเชยเพื่อให้เข้าใจว่าได้ทำถูกต้อง บ่อยๆครั้งเข้าลูก สุนัขย่อมเกิดการเรียนรู้ และผลสุดท้ายก็จะไปถ่ายตามที่เตรียมไว้อย่างอัตโนมัติ


2 .ฝึกการกินอยู่ หลับนอน การกินอาหารของสุนัขก็ต้องได้รับการฝึก หากเลี้ยงสุนัขหลายตัวควรแยกสถานที่ให้สุนัขกินให้ห่างกัน เพื่อป้องกันการแย่งอาหารและหวงอาหาร ครั้งใดที่สุนัขกินอาหารไม่หมดก็ให้เก็บจาน อย่าทิ้งไว้ให้กินอีกต่อไป จะทำให้สุนัขนิสัยไม่ดี กินอาหารไม่เป็นเวล่ำเวลา หรือแม้แต่การที่สุนัขได้รับอาหารจากบุคคลอื่นนอกเวลาอาหารก็เป็นสิ่งไม่ดี จึงควรต้องระวังไม่ให้รับอาหารจากบุคคลอื่นยกเว้นเจ้าของ
ลูกสุนัขควรมีที่หลับนอนเป็นสัดส่วนของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ควรนำลูกสุนัขไปนอนร่วมห้อง หรือบนเตียงด้วยความสงสารหรือเพราะเหตุผลใดๆ เพราะถ้าเริ่มเลี้ยงจากการเอเาไว้ในบ้าน พอลูกสุนัขเริ่มโต หากจับย้ายออกไปขังกรงนอกบ้าน ลูกสุนัข หรือแม้แต่โตแล้วส่วนใหญ่จะไม่ยินยอม เพราะมันคิว่าเป็นการถูกทอดทิ้ง อาจจะร้องโหยหวนทั้งคืนหรือหอนขณะที่เจ้าของไม่อยู่ จะทำให้เพื่อนบ้านเกิดความรำคาญไม่เป็นอันหลับอันนอน เนื่องจากเสียงหนวกหูจากสุนัข


3 .นิสัยชอบกัดแทะสิ่งของ เป็นธรรมชาติของลูกสุนัขชอบกัดแทะสิ่งของต่างๆ เพราะเริ่มมีฟันจึงกัดแทะเครื่องใช้สิ่งของในบ้าน ลูกสุนัขต้องการกัดแทะสิ่งของเพื่อความทำความสะอาดของฟัน นวดเหงือกขจัดฟันน้ำนมให้หลุดเร็วๆ รวมทั้งการระบายความเครียด หรือเพราะไม่มีอะไรกิจกรรมทำ จึงหาสิ่งของมากัดเล่น
ควรหาเครื่องเล่นสำหรับสุนัข เช่น ลูกบอลเล็กหรือกระดูกยาง หรือวัสดุที่ทนทานต่อการกัดแทะให้สุนัขกัดเล่น เพื่อป้องกันไม่ให้ไปทำลายสิ่งของอื่นๆในบ้าน เมื่อเห็นว่าสุนัขกัดสิ่งของอื่นๆ ที่ไม่ประสงค์ต้องออกคำสั่งว่า "ไม่" แล้วจับปากแยกออกพร้อมดึงของออกจากปาก อย่าพยายามดึงหรือยื้อสิ่งของที่สุนัขคาบอยู่ เพราะสุนัขอาจคิดว่าเราอยากเล่นกับมันด้วย ใช้คำสั่งเสียง "สั้นกระชับ" และการปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็จะจำได้

มีเคล็ดลับในการฝึกมาฝาก >  Secrets To Dog Training
 ทำความเข้าใจในตัวสุนัข
 รู้วิธีการออกคำสั่ง
 สุนัขต้องการการเอาใจใส่ดูแลจากเจ้าของ
 ทำให้สุนัขสนุกไปกับการฝึก